ราชกิจจานุเบกษากำหนด แนวปฎิบัติงานด้านสุขภาพกับสื่อสังคมออนไลน์
18 ต.ค. 60 สุขภาพ 2804

ภาพกราฟิกลิขสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  24 มีนาคม 2560  เว็บไชต์ราชกิจนุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ พ.ศ. 2559  ตามที่มาตรา 7แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 บัญญัติให้ข้อมูลด้าน สุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนําไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทําให้บุคคลนั้นเสียหาย ไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรงหรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติ ให้ต้องเปิดเผย

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้เล็งเห็นความสําคัญในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของ ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ เนื่องจากปัจจุบันมีการนําสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) มาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในเรื่องการทํางานและเรื่องการดําเนินชีวิต หากมีการใช้ไม่เหมาะสมอาจทําให้เกิดปัญหาในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลด้านสุขภาพของผู้รับบริการสาธารณสุข จึงได้กําหนดแนวทางปฏิบัติในการใช้งาน สื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพขึ้น เพื่อนําไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของหน่วยงาน ด้านสุขภาพ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กว้างขวางมากขึ้น

โดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 25(10)  แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550  ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 5/2559   เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2559  คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจึงประกาศแนวทางปฏิบัติในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ พ.ศ. 2559 ตามท้ายประกาศนี้เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30  ธันวาคม พ.ศ. 2559  ลงนามโดย  พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ

สำหรับแนวทางปฏิบัติฉบับนี้เป็นแนวทางเบื้องต้นที่คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะในสถานพยาบาล และองค์กรต่างๆรวมไปถึงการสาธารณสุขชุมชน  ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรนำไปใช้ควบคุมเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสุขภาพโดยตรง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในความดูแลของตนเพื่อให้ใช้สื่อออนไลน์ทั้งในการทำงานและเรื่องส่วนตัว เนื่องจากการใช้งานในเรื่องส่วนตัวต้องคำนึงถึงวิชาชีพด้วย   และการเผยแพร่สิ่งต่างๆผ่านสื่อออนไลน์นอกเวลางานต้องมีสติ คํานึงถึงความเหมาะสม และต้องตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสม ป้องการการเข้าถึงจากคนบุคคลภายนอกหรืออาจพิจารณาแยกบัญชีผู้ใช้งานส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกัน เพราะการเผยแพร่ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในวิชาชีพด้วย

พร้อมทั้งต้องมีการศึกษากฎหมาย วินัย จริยธรรม ที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ป่วยหรือระบบสุขภาพโดยรวม  ทั้งนี้ เห็นเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพต้องมีการติดตามสภาพสังคม ทั้งทัศนคติและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แนวทางฉบับดังกล่าวมีการปรับปรุงเป็นระยะๆเนื่องจาก ทัศนคติทางสังคมและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงต้องมีการปรับแนวปฏิบัติเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อผู้ป่วยทั้ง ร่างกาย สุขภาพ หรือทรัพย์สินโดยแฉพาะกรณีที่เป็นอันตราย หากเจ้าหน้าที่พบเห็นผู้กระทำการที่เข้าข่ายดังกล่าวควรแจ้งให้หยุดกระทำ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องและความมีจริยธรรมของวิชาชีพ ฯลฯ

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ความเสี่ยงของ Internet Explorer ของผู้ที่ยังใช้ Windows XP


28 เม.ย. 57  ระบบ/โปรแกรม

ถ้าคุณยังคงใช้บริการระบบปฏิบัติการนี้มากว่า 12 ปี ข้อบกพร่องทางระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดที่ถูกค้นพบบนการใช้เบราว์เซอร์ Internet Explorer จะทำให้คุณตกตะลึงกับความน่ากลัว

Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย "พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้แล้ว


16 ส.ค. 60  ฝากร้าน

"พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 60" บังคับใช้วันนี้!! สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ อ.ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายอิเลคทรอนิกส์

โปรแกรมรีโมตคอมพิวเตอร์ชื่อดัง Teamviewer ถูกแฮ็ค !! เผยวิธีรับมือฉบับเร่งด่วน !!


02 มิ.ย. 59  โจรกรรมข้อมูล

ทางทีมงานแบไต๋ได้ข่าวด่วนแบบสุด ๆ จากเว็บบอร์ดชื่อดัง Reddit ว่า มีผู้ใช้งานโปรแกรม Teamviewer หลายคนถูกบุกรุก ในช่วงเวลากลางคืนตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเหล่าผู้โจมตี (คาดว่ามีหลายคน) ได้เจาะเข้ามาเพื่อล็อกอินเข้าสู่บริการ Internet Banking ผ่านทาง User และ Password ที่ถูกเซฟเอาไว้ใน Browser ของพวกเขาและดึงเอารหัสทั้งหมดบน Browser ผ่านโปรแกรมดึงข้อมูล แถมยังมีการติดตั้งโปรแกรม Ransomware บนเครื่องของเหยื่อที่ถูกเจาะเข้าไปอีกด้วย ซึ่งงานนี้เรียกได้ว่าเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างเลยทีเดียว